ยินดีต้อนรับสู่

“ มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ”

แจ้ง/ส่งหลักฐานการโอนเงินร่วมบริจาคสมทบการอบรมได้ที่
E-mail : [email protected]
Facebook : www.facebook.com/vipassanacm/messages



เรื่องเล่าจากอาจารย์... ( ธรรมกับการทำงาน )

อยากให้อาจารย์แสดงข้อคิดหรือธรรมะในเรื่อองธรรมะกับการทำงานค่ะ ปัจจุบันมีคนจำนวนมากมีปัญหาเรื่องชีวิตการทำงานจนเป็นปัญหาที่สำคัญ
ขาดความสุขและมีทุกข์ในการทำงาน และความคาดหวังจนเป็นเหตุให้มีปัญหาทั้งสุขภาพกายและใจ

(จาก กระทู้ของ คุณViriya เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 51)

งานคือเงิน....เงินคืองาน...บันดาลสุข

นี่คือ คำขวัญของรัฐบาลใด รัฐบาลหนึ่ง...   

ตอนอาจารย์เป็นเด็กๆ จำได้ว่าเมื่อฟังแล้วมันติดหู ติดใจ มาจนแก่เฒ่า

จนจำได้มาเล่าให้โยคีที่เบื่องานที่ตนเองทำ ฟังนี่แหละค่ะ

การที่จะเอาเงินจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ พ่อแม่ของเรา มันก็ยากลำบากตรากตรำ กายใจ...

ดังความทุกข์ทั้งมวลที่หนูๆ ทั้งหลายประสพอยู่นั่นแหละ

จะว่าการทำงานทำให้เราทุกข์กายนั้น ก็คงจะมีไม่เท่าไร แต่ส่วนมากมันก็ทุกข์ทางใจนั่นแหละมาก..

            ทุกข์เพราะ..เบื่อ...เซ็ง...หงุดหงิด...รำคาญ...ในเพื่อนร่วมงานบ้าง..ในเจ้านายบ้าง...ในงานที่ซ้ำซากบ้าง...ซึ่งก็เป็นปัญหาปกติ ของคนทำงานทั่วโลก

            เพราะจะสาวถึงสมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) เหล่านี้ ก็เกิดจากความจำเป็นในการบริหารขันธ์ 5 ของเราทั้งสิ้น

            ถ้าไม่อยากจะทำงาน เพราะทุกข์...ก็เร่งปฏิบัติจนถึงนิพพานเสีย..ทุกข์ทุกอย่างก็จบ เพราะขันธ์ 5 จบ..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..

            ถ้าตอบแบบนี้หลายคนคงอยากกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย  ใช่ไหม  เพราะหวังจะได้ฟังคำตอบที่พอจะทำให้ชื่นใจ   มีกำลังใจทนต่อไป

      แต่ถ้าคิดอย่างนักปฏิบัติจริงๆ...ก็ต้องแก้ปัญหาดังที่อาจารย์ได้กล่าวนั่นแหละนะ

            แต่เอาเถอะ..เพื่อสงเคราะห์โยคีทั้งหลายที่ไม่พึงปรารถนาจะเพ่งเพียรเผากิเลสจนถอนรากถอนโคนทั้งหลายทั้งสิ้น 

            ก็ขอวิสัชนาดังนี้....

            เมื่อสมัยนานมาแล้ว..ที่ตนเองยังตกอยู่ในกระแสวัฏฏะของคนทำงานทั้งหลาย   ทั้งยังทำตั้งหลายแห่งหลายที่พร้อมๆ กัน  ก็ไม่เห็นจะหงุดหงิด..เบื่อหน่ายกับงานที่จะต้องทำ เพราะ

1.   ได้ทำงานที่ใจรัก ชอบ ตามศาสตร์ที่ตนได้เล่าเรียนมา

          (ดังนั้นเวลาที่เราหางาน  จงเริ่มต้นมองหางานตามที่อาจารย์บอกไว้)

2.   มีความสุขที่จะอยู่กับเพื่อนร่วมงานทุกๆ แห่ง  เพราะได้พยายามเป็นเพื่อนสนิทกับเขาเหล่านั้นให้เร็วที่สุด  เมื่อการทำงานในหมู่เพื่อนก็สามารถสร้างความเพลิดเพลิน ให้เวลางานผ่านไปได้เร็วขึ้น

3.   อย่าเป็นคนคิดมากในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  เช่น คำพูดของผู้ร่วมงาน หนักนิดเบาหน่อยก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย

และที่สำคัญ..ต้องคิดเสมอว่า เขาไม่ได้ใช้งานเราฟรีๆ เมื่อไหร่ล่ะ   ทุกวันที่ 30 ก็มีค่าตอบแทน ความเบื่อ..ความทุกข์..ความรำคาญ.. ความจริงให้เรามีเงินจับจ่ายใช้สอย และที่สำคัญที่สุด  ทั่วทั้งโลกมีคนตกงานมากมาย และที่กำลังจะตกงานก็ตามมาอีกเป็นพรวน

            เรานั้นโชคดีขนาดไหนที่ยังมีงานทำ  ถ้าเราลาออกเมื่อใด หลายๆ คนคงดีใจ และมีคนอีกไม่ใช่น้อยที่อยากได้งานในตำแหน่งของเรา  ทั้งนายจ้างก็สามารถจ้างได้ในอัตราที่ต่ำกว่าจ้างเราเสียอีก...ดังนั้น จงรู้เถิดว่าเรานั้นยังโชคดีที่มีงานทำ

            อาจารย์ก็พบเห็นคนว่างงานมามากมาย ที่อยู่ไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย ตอนเช้าก็พยายามตื่นสายๆ เพื่อจะให้วันมันสั้นลง  ตื่นมาแล้วก็ต้องกิน กินแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร หาเรื่องไปที่โน้นที่นี่  เวียนไปบ้านคนรู้จักคนนั้นคนนี้ จนเขากลัว เพราะแต่ละบ้านเขาก็มีกิจของเขาที่ต้องทำ  แต่มีคนแปลกหน้าแปลกปลอมเข้ามาอยู่ด้วยทุกวัน จากเพื่อนรักก็กลายเป็นเพื่อนหน่ายไปก็มี

            คนที่มีงานทำ คิดอยากไปโน่นไปนี่  อยากทำโน่นทำนี่  แต่คนว่างงานนั้น  ความว่างยาวนานจนไม่มีที่จะออกไป หรืออยากทำ เพราะมันขาดปัจจัยคือ เงินที่ขาดมือ อันเป็นสาเหตุให้ขาดความมั่นใจ  ทั้งยังต้องคิดหนักว่าเงินสะสมจะมีพอใช้จ่ายตลอดชีวิตหรือไม่   ถ้าเจ็บป่วยจะทำอย่างไร  แก่เฒ่ามาจะอยู่อย่างไร

            ปัญหาอีกหลายๆ อย่างจึงตามมาเป็นสาย  และที่สำคัญคือ เจ้าตัวซึ่งว่างงาน ตั้งแต่อายุน้อยๆ 30-40 ปี  แล้วเราจะอยู่อย่างไรถึงอายุ 60-70 ปี เพียงคุณตกงานสัก 1-2 ปี  คุณก็เริ่มไม่แน่ใจในความสามารถของตนเองแล้ว

            โบราณเขาบอกว่า  ถ้าเราอายุ 45 ปีแล้วยังไม่ประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน ก็จงรู้ตัวเถอะว่า  ชาตินี้เราประสพความสำเร็จเพียงเท่านี้แหละ  และจะคิด จะวางแผนการใช้ชีวิตในปั้นปลายอย่างไรก็คิดเสีย  เหมือนกับภาษิตพื้นเมืองที่ว่า

            10 ปี๋   อาบน้ำบ่หนาว -  อายุ10 ปี  อาบน้ำไม่หนาว

            20 ปี๋   แอ่วสาวบ่ก๋าย - เกี้ยวสาวไม่เบื่อ

            30 ปี๋   บ่หน่ายสงสาร - ไม่เบื่อภพไม่เบื่อชาติ

            40 ปี๋   ยะก๋าน เหมือนฟ้าผ่า - ทำงานเหมือนหนักไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

            50 ปี๋   พะยาด ถามหา - โรคภัยเบียดเบียน

      60 ปี๋   สาวด่า บ่เจ็บใจ๋  - ผู้หญิงด่าก็ไม่หวั่นไหว ไม่เจ็บใจ

            70 ปี๋   ปะโหก เต็มตั๋ว -  หูด ไฝ ฝ้า ฝี ขึ้นทั้งตัว

            80 ปี๋   ไค่หัวเหมือนไท้  - หัวเราะก็เหมือนร้องไห้

            90 ปี๋   ไค่ก็ตาย บ่ไค่ก็ตาย  - ป่วยก็ตายไม่ป่วยก็ตาย

อะไรทำนองนี้แหละ อาจผิดพลาดบ้างตามประสาคนแก่

            อาจารย์คิดว่า คนที่เขียนมานี้ ก็คงอยู่ในช่วง 30-40 ปีนี่แหละ 

            ดังนั้นก็เป็น..ช่วงเวลาที่เราจะสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่น ก่อนที่จะเข้าสู่ปัจฉิมวัย  ซึ่งช่วงเวลานั้น เราจะได้อยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ

            ดังนั้น อย่าเลือกงาน และทำให้เต็มความสามารถ (เหมือนฟ้าผ่า)  และให้ตระหนักถึงความโชคดีของเราว่ายังมีงานทำ (เพราะนั่นแสดงว่าเรายังมีความสามารถ)  ในขณะที่คนอีกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่เคยมีโอกาสได้งานทำเลย ก็มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง

            หนูคงจำเพลงใน VCD รุ่นของศูนย์เราได้ใช่ไหมคะ

            อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ประโยคนี้ใช้ได้ ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ

            ขอให้หนูจงอยู่กับงานของหนู อย่างมีความสุข หรืออย่างน้อยๆ ก็อย่าให้ทุกข์นะจ๊ะ

            ที่สำคัญ  อย่าลืมกำหนด ทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็จะดับไป

            จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด